หากมีคำถามว่า การพัฒนาค่านิยมหลักของธุรกิจครอบครัวมีประโยชน์หรือไม่
เราก็จะสามารถหาคำตอบได้จากผลการวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่า
การมี “ค่านิยมหลัก” เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจและเสริมสร้างพฤติกรรมที่จำเป็นในการทำให้ครอบครัวและธุรกิจครอบครัวประสบความสำเร็จ เนื่องจากความสอดคล้องของค่านิยมและวิสัยทัศน์ที่รวมครอบครัวและธุรกิจเป็นหนึ่งเดียว สามารถทำให้ความขัดแย้งลดลงได้
โดยเฉพาะยิ่งค่านิยมที่เข้าใจได้ชัดเจนและน่าสนใจมากเพียงใด
รากฐานของธุรกิจและครอบครัวก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น
เมื่อครอบครัวเจ้าของธุรกิจตั้งใจพัฒนาและดำเนินตามค่านิยมหลักของตนก็จะทำให้ทั้งครอบครัวและธุรกิจมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จไปสู่รุ่นต่อไปได้
สำหรับในส่วนของครอบครัวนั้น ค่านิยมมีที่มาและสะท้อนความเชื่อและพฤติกรรมของผู้ก่อตั้งธุรกิจ เมื่อครอบครัวขยายใหญ่ขึ้น ความท้าทายและโอกาสคือการใช้ค่านิยมเหล่านี้เพื่อดึงสมาชิกครอบครัวให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูปและสร้างความผูกพันจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นต่อไป
นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการกำหนดนิยามเชิงรุกและขับเคลื่อนค่านิยม แทนที่จะปล่อยให้พัฒนาไปตามธรรมชาติ เนื่องจากค่านิยมเป็นสิ่งที่สะท้อนความเชื่อ ประสบการณ์และเป้าหมายที่มีร่วมกัน ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจ การกระทำและการมีปฏิสัมพันธ์ต่างๆ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ช่วยชี้ให้เห็นว่าเหตุใดครอบครัวจึงควรอยู่ด้วยกันในฐานะครอบครัวและเจ้าของธุรกิจ และเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของพฤติกรรมที่จะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวเข้าใจในสิ่งที่คาดหวังจากกันและกัน รวมถึงวิธีที่สมาชิกในครอบครัวจะมีส่วนร่วมในธุรกิจอีกด้วย เช่น
การมีค่านิยมในการเป็นผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ สามารถกำหนดให้มีลักษณะเฉพาะและเป็นแนวทางให้ครอบครัวและธุรกิจได้อย่างไร โดยหลักสำคัญของการเป็นผู้พิทักษ์ผลประโยชน์คือคนรุ่นต่อไปแต่ละรุ่นจะต้องออกจากธุรกิจครอบครัวในฐานะที่เหนือกว่าคนรุ่นก่อนหน้า
แนวทาง คือ
- เปลี่ยนจากการโฟกัส “ที่นี่และตอนนี้” ไปเป็นระยะยาว
- เปลี่ยนจาก "ฉันจะได้รับอะไร" ไปเป็น "ฉันทำอะไรได้บ้าง” ซึ่งจะส่งผลให้มีหน้าที่รับผิดชอบเพิ่มขึ้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ค่านิยมของการเป็นผู้พิทักษ์ผลประโยชน์สามารถลดความขัดแย้งได้ โดยการทำให้สมาชิกในครอบครัวมีความเห็นสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในระยะยาวของครอบครัวและธุรกิจ มีบทบาทและหน้าที่รับผิดชอบชัดเจน และมีความมุ่งมั่นทุ่มเท ซึ่งถือเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญสำหรับความต่อเนื่องทางธุรกิจนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ความสามัคคีในครอบครัวอาจจะได้รับผลกระทบเชิงลบ หากครอบครัวที่กำหนดให้ผู้พิทักษ์ผลประโยชน์เป็นค่านิยมหลักของครอบครัว ไม่มีการกำหนดนิยามและอธิบายพฤติกรรมที่สะท้อนถึงนิยามนั้นในทางปฏิบัติเอาไว้ให้ชัดเจน
ผู้ก่อตั้งธุรกิจอาจเชื่อว่า วิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ คือ การมีความยุติธรรมในการว่าจ้างและเลื่อนตำแหน่งสมาชิกในครอบครัว ซึ่งอาจหมายถึง การมีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและประสบการณ์การทำงานจากภายนอกเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการพิจารณาการจ้างงาน โดยผู้ก่อตั้งอาจคาดหวังให้สมาชิกในครอบครัวเริ่มต้นงานในตำแหน่งที่เหมาะสมกับทักษะ และระดับประสบการณ์ของพวกเขาและเลื่อนตำแหน่งให้ตามความสามารถ
แต่ในทางกลับกัน สมาชิกในครอบครัวบางคนอาจเชื่อว่า
การเป็นผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ หมายถึง สมาชิกในครอบครัวควรได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษในเรื่องของบทบาทและการเลื่อนตำแหน่งเพื่อเป็นกลไกในการสนับสนุนธุรกิจและความต่อเนื่องของครอบครัวโดยไม่คำนึงถึงทักษะหรือความสามารถที่แท้จริง ซึ่งกรณีเช่นนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้เว้นเสียแต่ครอบครัวจะมีกระบวนการกำหนดความหมายของการเป็นผู้พิทักษ์ผลประโยชน์เอาไว้ให้ชัดเจน เพราะความเข้าใจไม่ตรงกันอาจส่งผลต่อค่านิยมและพฤติกรรมที่นำไปสู่ความไม่ไว้วางใจ ความขุ่นเคือง ความผิดหวังและความไม่พอใจได้
จากตัวอย่างในข้างต้นจะเห็นว่า ความขัดแย้งสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมาตรฐานของพฤติกรรมไม่ได้รับการยอมรับหรือเข้าใจชัดเจน ทุกคนอาจมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความหมายของค่านิยมครอบครัว
ดังนั้น กระบวนการพัฒนาค่านิยมไม่ควรรีบเร่งจนเกินไป แต่ควรใช้เป็นโอกาสที่สมาชิกในครอบครัวจะได้เรียนรู้ที่จะรับฟังและเข้าใจมุมมองที่แตกต่างของกันและกัน เพื่อสร้างรากฐานสำคัญของความไว้วางใจ ความสามัคคีในครอบครัวให้มากขึ้น
#ที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัว #บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัว #FAMZ #การสืบทอดธุรกิจ #ค่านิยมหลัก
ที่มา:
Holuk, Cathy. 2018. Family Values Can Help to Minimize Conflict in Family Business. Available: